top of page
Voyage de la vie
Journey of life
เส้นทาง
ร้องเพลง.jpg
Franz Lehár : Dein ist mein ganzes Herz  - Passion
เส้นทางสู่การเป็นนักดนตรี
บทเพลงนี้เป็นบทร้องของตัวละครเจ้าชาย Sou-chong ที่พูดกับต่อท่านหญิงแห่งเวียนนาซึ่งเป็นคู่รักของเขา  ใน Operetta เรื่อง “Das Land des Lächelns” (The land of smile) ซึ่งท่านหญิงนั้นกำลังจะหนีกลับไปยังประเทศของตนเพราะรับไม่ได้กับวัฒนธรรมของเจ้าชายประเทศจีนที่สามารถมีภรรยาหลายคนได้              เจ้าชาย Sou - chong พยายามพูดรั้งคนรักเอาไว้แต่ก็ไม่สำเร็จ บทเพลงนี้ใน Operetta มีความดราม่าและอารมณ์เพลงที่ไปในทางโศกเศร้า แต่ในยุคหลังๆ นักร้อง Tenor นำบทเพลงนี้ไปร้องเดี่ยวและได้พยายามสื่อบทเพลงไปในทางที่เป็นความรักที่โรแมนติก จึงแปรเปลี่ยนเป็นบทเพลงรักยอดนิยมในเวลาต่อมา
ความรักของเจ้าชาย Sou - chong ที่มีต่อท่านหญิงแห่งเวียนนา หากเปรียบเทียบในเเง่มุมอื่นที่นอกเหนือจากความรักระหว่างหญิงชายเเล้ว ท่านหญิงเเห่งเวียนนาก็เปรียบเหมือนกับ Passion ที่อยู่ภายในในจิตใจของมนุษย์ เเละตัวเจ้าชายก็เป็นตัวแทนของมนุษย์ที่พยายามตามหา Passion ของตัวเอง ในที่สุดเมื่อได้ Life Style ตาม Passion ของตนเองมาเเล้ว ก็ต้องการที่จะรักษามันเอาไว้ ไม่ให้จากไปไหน เพราะฉะนั้นเเล้ว Passion จึงเป็นสิ่งให้ทำให้มนุษย์ไม่อยู่นิ่งเฉย คอยที่จะทำให้มนุษย์นั้นต้องใคว่คว้าโดยคาดหวังว่า เมื่อได้สิ่งต่างๆที่เป็น Passion มาเเล้วนั้น จะทำให้รู้สึกมีความสุข เช่นเดียวกับเรา ที่มีความรักในดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ เมื่อเราเติบโตขึ้น     จากเพียงแค่ชอบฟัง ก็เริ่มอยากที่จะร้องเพลง เริ่มมีความสุขกับการเล่นร้องดนตรีมากกว่าการทำกิจกรรมอื่นๆ อยากสร้างสรรค์ดนตรีขึ้นมาเองบ้าง และก็มีแรงบันดาลใจจากบุคคลที่เป็นศิลปินนักร้อง ในการที่จะมุ่งเป้าไปสู่การเป็นศิลปิน จึงตัดสินใจศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยทางด้านดนตรี เพราะคิดว่า ดนตรีจะเป็นสิ่งที่ทำให้เรานั้นมีความสุข มีรายได้ มีคนชื่นชอบในตัวเรา มีอิสรภาพทางความคิด ทำให้รู้สึกอิ่มเอมใจ และเป็นสิ่งที่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างแท้จริง
วุ่นวายในเมือง
Franz Schubert : Erlkönig - Chaos
ความสับสนวุ่นวายของชีวิตในเมือง
บทเพลงนี้ ถ้าหากได้รับรู้ถึงความหมายของบทกวีแล้วก็จะเห็นว่า ตัวบทเพลงได้
สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นความตายในอดีต เริ่มต้นเรื่องราวด้วยเด็กน้อยที่ป่วยไข้ ผู้พ่อจึงรีบควบม้าโอบกอดลูกชายเดินทางเข้าไปในป่าหวังจะหาคนรักษาอาการป่วยไข้ของลูกชาย ในระหว่างที่เดินทางอยู่นั้น ก็มี Erl - king ซึ่งเปรียบเหมือนพญามัชจุราชที่มาพรากวิญญานเจ้าเด็กน้อยไปจากร่าง แท้ที่จริงเเล้ว Erl - king อาจเป็นตัวแทนของอาการป่วยไข้ของเด็กน้อยที่ค่อยๆทรุดหนักลงเรื่อยๆในระหว่างเดินทางและท้ายที่สุด เด็กน้อยก็ได้สิ้นใจจากโรคร้ายนั้นนั่นเอง
หากพูดถึงความตายเป็นความตายในโลกปัจจุบัน หากพูดถึงสถานที่ที่มีอันตรายและความเสี่ยงมากที่สุด อาจไม่ใช่ถิ่นทุระกันดารหรือชนบททั่วไป เมืองหลวงที่เเสนวุ่นวายที่ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา โรคระบาดที่ร้ายเเรงถึงชีวิต ผู้คนเเละยานพาหนะที่สัญจรไปมาอย่างไม่มีวันจะหยุดยั้งยังส่งผลให้เกิดมลพิษมากมายที่สายตาของมนุษย์มิได้มองเห็นมัน แต่มันกลับทำให้   ผู้คนล้มป่วยหรือถึงขึ้นเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ดังนั้นแล้วการที่คนคนหนึ่งตัดสินใจเดินทางจากต่างจังหวัดมาอยู่ในเมือง       จึงต้องเตรียมใจที่จะต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นมลพิษหรืออุบัติเหตุทางถนน ที่เรานั้นไม่อาจทราบได้เลยว่า  จะมาพรากชีวิตของเราไปจากโลกนี้ในวันไหน
123.jpg
พลัดพราก
Gabriel Fauréc : Les Berceaux -  Leaving การพลัดพรากจากสถานที่ที่คุ้นเคย
439A6721-27FF-48FD-BEE7-8ADF97D3BFB4.JPG
เนื้อเพลงของบทเพลงนี้ ได้บรรยายถึงเรือใหญ่ที่นำพาลูกเรือจำนวนมากออกจากท่าเรือไปสู่ทะเลใหญ่เพื่อแสวงหาโชค ไม่ว่าจะเป็นปลาที่จะนำมาค้าขายหรือสมบัติใต้ทะเลลึก โดยมีหญิงที่เฝ้ารอเรือใหญ่ด้วยความเป็นห่วง ไม่รู้ว่าเรือใหญ่ที่ออกไปนั้นจะนำพาลูกเรือกลับมาอย่างปลอดภัยได้หรือไม่ หญิงนั้นได้เเต่เพียงภาวนาด้วยน้ำตา      ด้วยความหวังว่า คนบนเรือนั้นจะแคล้วคลาดจากอันตรายในทะเล และกลับมายังท่าเรือที่เเห่งเดิมอย่างปลอดภัย
ท่าเรือนั้นเปรียบเสมือนกับบ้านหรือสถานที่ที่เราคุ้นเคยที่เรารู้สึกปลอดภัยอยู่เสมอ การที่เรือใหญ่ออกเดินทางไปในทะเลอันกว้างใหญ่ก็เหมือนกับชีวิตคนที่ต้องจากสถานที่ที่คุ้นเคยเพื่อไปแสวงหาโอกาสที่ดีกว่า แต่นั้นก็ไม่ได้  การันตีว่าเส้นทางที่ได้เลือกเดินไปในนั้นจะสวยหรูเหมือนดังที่ได้จินตนาการ เพราะการเเสวงหาโอกาสก็เหมือนกับการเสี่ยงดวงที่อาจจะเจอสิ่งที่ดีหรือไม่ก็อาจจะพบเจอกับความล้มเหลว ชีวิตของเราที่ต้องเข้ามาศึกษาหาความรู้อยู่ในกรุงเทพฯ ต้องพลัดพรากจากคุณตากับคุณยายที่เลี้ยงดูเรามาตลอด ถึงวันหนึ่งแม้ว่าการศึกษาของโรงเรียนในกรุงเทพฯจะมีคุณภาพการศึกษาที่ดีกว่าและปลอดภัยจากสิ่งเสพติดที่พบเห็นอยู่บ้างในชนบท แต่ผู้ที่เลี้ยงดูเรามาย่อมอดห่วงไม่ได้ว่าเรานั้นจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรเมื่อไม่ได้เห็นหน้าและติดต่อกันเลย ได้เเต่เฝ้าภาวนาว่าบุคคลอันเป็นที่รักจะผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ด้วยดี  เพื่อที่เขานั้นจะมีการงานเเละชีวิตที่ดีในอนาคต
ความทรงจำ
Marco Marinangeli : Mi Mancherai - Memory ระลึกถึงการเดินทางที่ผ่านมา
ตัวเนื้อหาของบทเพลงนี้ได้พรรณนาถึง เพื่อนหรือคนสนิทที่เคยผูกพันกันมานาน ที่วันเวลาและสภาวะทางสังคมได้นำพาให้คนทั้งสองแยกจากกัน แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ความสัมพันธ์ของเราก็จะไม่เปลี่ยนไป เรารู้สึกได้จากข้างใน และคงรอ  ที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง บทเพลงนี้สื่อความหมายได้อย่างดีตามเรื่องราวในภาพยนตร์ ที่เกิดสัมพันธ์ฉันเพื่อนระหว่าง Pablo Neruda ผู้ทำงานเขียนบทความทางการเมืองและแต่งบทกวี กับ Mario Ruoppolo ซึ่งเป็นเพียงบุรุษไปรศณีย์ที่ไม่ได้รับการศึกษาและทำงานส่งจดหมายให้แค่ Neruda คนเดียวนั้น ทั้งคู่เรียนรู้และช่วยเหลือซึ่งกันและ Mario ก็มีชีวิตที่ดีขึ้นจากการช่วยเหลือของ Neruda โดยที่ Neruda ก็ได้ช่วย Mario เขียนจดหมายรักให้กับหญิงที่ชอบ จนสุดท้าย Mario ก็ได้แต่งงานสมใจ เขารู้สึกขอบคุณ Neruda และเมื่อต้องแยกทางกัน เขาก็ยังพรรณนาและคิดถึงเพื่อนคนนี้อยู่เสมอ
ช่างเนิ่นนานเหลือเกิน 22 ปีที่เดินทางอยู่ในโลกใบใหญ่ สถานที่มากมายที่ได้เดินไป ผู้คนมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวืต สิ่งของมากมายที่เราเก็บเอาและก็มีบางสิ่งของที่เราเลือกจะทิ้งมันไป หนังสือดีๆที่อ่านแล้วเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้เราได้ตัดสินใจในเส้นทางที่จะเลือกเดิน เมื่อนึกย้อนกลับไปในอดีต มีทั้งเรื่องที่ดีเเละเลวร้ายมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต หนักเบาแตกต่างกันไป สิ่งเเวดล้อม ผู้คน การศึกษา หนังสือที่อ่าน สื่อโซเชียลต่างๆที่เราได้เสพ สิ่งเหล่านี้ได้หล่อหลอมบุคคลิก พฤติกรรม ทัศนคติ วิสัยทัศน์ของเราให้เป็นเราในวันนี้   เมื่อได้ตระหนักถึงอดีต ทำให้ตั้งคำถามกับตัวเองเกี่ยวกับปัจจุบันว่า ตอนนี้ชีวิตเราดีเเล้วหรือยัง ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดในทุกทุกเรื่องเเล้วหรือยัง เป้าหมายชีวิตที่ได้ตั้งเอาไว้ บัดนี้มีเป้าหมายไหนที่ทำสำเร็จเเล้วหรือยัง  มีเป้าหมายไหนที่ใกล้เคียงความสำเร็จเเล้วบ้าง และมีเป้าหมายไหนที่เรายังไม่ได้ลงมือทำเลย  เมื่อได้ตระหนักถึงปัจจุบันแล้ว ก็ทำให้เราต้องคิดต่อถึงอนาคตว่า เเล้วชีวิตของเรานั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป หน้าที่การงานที่จะทำ เส้นทางที่จะเดินต่อไปในภายภาคหน้าจะเป็นอย่างไร อนาคตเป็นเรื่องที่บอกไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  เพราะ ไม่มีภาพให้เห็น และไม่มีเครื่องมือข้ามเวลาเพื่อเดินทางไปล่วงรู้อนาคต แต่สิ่งที่หล่อหลอมเรามาจากอดีตสู่ปัจจุบัน จะเป็นตัวกำหนดทิศทางที่เราจะก้าวเดินต่อไปในอนาคต จากการกระทำและเเนวคิดของเราในวันนี้
B9D15CA1-83FA-4856-AD2B-0103237F6130.JPG

Copyright © 2020 Vorakit Kamolraksa

bottom of page