top of page

Program note

Lehar
6-_schnoeller.jpg

 Franz Lehár : Dein ist mein ganzes Herz 

           เป็น Aria ที่โด่งดังอยู่ใน Operetta เรื่อง “Das Land des Lächelns” (The land of smile) ประพันธ์ดนตรีโดย Franz Lehár ประพันธ์เนื้อร้อง (Libretto) โดย Fritz Löhner-Beda และ Ludwig Herzer บทเพลงนี้ร้องโดยตัวละคร

        ในเรื่องที่เป็นเจ้าชายซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่องชื่อว่า Sou - chong ในองค์ที่สอง บทเพลงนี้ประพันธ์อยู่ใน Key D flat major        Lehár ได้ประพันธ์บทเพลงนี้ไปบางส่วนในปี 1923 ในเวอร์ชั่นแรกที่ถูกแสดงใช้ชื่อเรื่อง Die gelbe Jacke (The Yellow Jacket)

ต่อมา Fritz Löhner-Beda นำเนื้อเรื่องมาปรับปรุงแก้ไขใหม่ และได้ย้ายบทพูดรวมถึงบทร้องของบทเพลงนี้จากองค์ที่หนึ่ง

ไปอยู่ในองค์ที่สองและทำการทำเนื้อร้องใหม่กลายบทเพลงที่โด่งดังของ Lehár ที่นักร้องเสียง Tenor นำมาร้องเดี่ยว

แยกจาก Operetta ในเวลาต่อมา นักร้องTenor คนแรกที่นำบทเพลงนี้มาร้องเดี่ยวและประสบความสำเร็จ

คือ Richard Tauber

Erlkonig
Erlkoenig_Neher__898x500_.jpg
Franz Schubert : Erlkönig

            Erlkönig คือบทเพลงประเภท Lied ประพันธ์โดย Franz Schubert ซึ่งเป็นบทเพลงสำหรับร้องโซโล่กับเปียโนประพันธ์ขึ้นในปี  1821 Schubert มีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น เนื้อเพลงนำมาจากบทกวีของ Goethe เขาได้พยายามแก้ไขบทเพลงนี้ถึงสามครั้งก่อนที่จะตีพิมพ์ในการแก้ไขครั้งที่สี่ในปี 1821 เป็น Opus ที่ 1 บทเพลงนี้ถูกจัดเรียงรายชื่อโดย     Otto Erich Deutsch ให้อยู่ในลำดับ D.328 ในปี 1951 ซึ่งเป็นรายชื่อสำหรับผลงานการประพันธ์ของ Schubert บทเพลงนี้ถูกนำไปแสดงเป็นครั้งแรกในวันที่ 1 ธันวาคม 1820 ซึ่งเป็นการ Showcase ส่วนตัวในเมืองเวียนนา

ต่อมาถูกนำไปแสดงสู่สาธารณะชนเป็นครั้งแรกในวันที่ 7 พฤษภาคม 1821  ที่ Theater am Kärntnertor ในเมืองเวียนนา

            ในบทเพลงจะมีอยู่ทั้งหมด 4 ตัวละครด้วยกัน โดยมีผู้เล่าเรื่อง (Narrator) พ่อ(Father) ลูกชาย(Son) และ Erlking( ซึ่งทุกตัวละครถูกถ่ายทอดโดยนักร้องเพียงคนเดียว ซึ่ง Schubert ได้จัดวางแต่ละ Character ให้มีช่วงเสียงและโทนเสียงที่แตกต่างกัน ซึ่งจัดวางออกมาได้ดังนี้

  1. ผู้เล่าเรื่อง : จะมีช่วงเสียงอยู่ในโทนกลางๆ และอยู่ในโหมด Minor

  2. พ่อ : จะอยู่ในโทนเสียงต่ำ มีการใช้โหมดเมเจอร์สลับกับไมเนอร์

  3. ลูกชาย : จะร้องในโทนเสียงสูง และร้องในโหมด Minor

  4. Erlking : จะร้องอยู่ในโหมดเมเจอร์เป็นส่วนใหญ่ มีการร้องช่วงเสียงสูงสลับช่วงเสียงต่ำ

 ตัวบทเพลง Erlkönig เริ่มต้นด้วยการบรรเลงเปียโนในจังหวะที่ค่อนข้างเร็วเป็น Tripped สร้างความรู้สึกที่เป็นเหมือนความเร่งรีบและเลียนแบบจังหวะการควบม้า ในขณะที่เบสมือซ้ายเป็นส่วนทำตัวธีมสยองขวัญให้กับบทเพลงนี้ และ Motif นี้   ก็จะดำเนินไปตลอดในส่วนที่ลูกชายอ้อนวอนต่อพ่อก็จะมีการใช้โทนเสียงที่สูงขึ้นเรื่อยๆกว่าท่อนก่อนๆ และเมื่อจะจบเพลงดนตรีและการร้องจะเร่งเร้ามากขึ้น ซึ่งเป็นตอนที่พ่อควบมาเร็วขึ้น จากนั้นเมื่อดนตรีผ่อนความเร่งเร้าลงคือตอนที่พ่อได้ควบม้าถึงที่หมายแล้ว เปียโนจะหยุดในระยะสั้นๆ ก่อนท่อนสุดท้าย “ In seinen armen das kind wartot” และจบลงด้วย Perfect authentic cadence เป็นการปิดฉากบทเพลงด้วยการตายของลูกชาย

Les Berceaux
le-port-de-peche-de-keroman-a-lorient-ic
Gabriel Fauré : Les Berceaux

           Les Berceaux เป็นบทเพลงประเภท Chanson ประพันธ์โดย Gabriel Fauré ในปี 1879 มีการใช้เมโลดี้ที่ลื่นไหล                ทั้งในส่วนนักร้องและเปียโนเพื่อให้บรรยากาศการเคลื่อนไหวของเรือและท่าเรือ เนื้อร้องได้นำมาจากบทกลอนของ         Sully - Prudhomme ซึ่งอธิบายเรือขนาดใหญ่ที่โยกไปมาโดยคลื่นน้ำ และท่าเรือที่สั่นไหวโดยผู้หญิง เช่นในบทกลอนที่บอกว่า”แล้ววันอำลาก็ต้องมาถึง เพราะผู้หญิงต้องร่ำให้ ให้กับผู้ชายที่อยากรู้อยากเห็น เป็นเหมือนดั่งสายล่อฟ้า ถึงแม้ว่าเรือจะนำพาผู้คนออกจากท่าเรือ แต่ยังไงเสีย ในไม่ช้าก็ต้องนำพาผู้คนกลับมายังที่แห่งจิตวิญญาณของมัน" ซึ่งก็คือท่าเรือนั่นเอง

            บทเพลงเริ่มต้นด้วยอารมณ์ที่ขับกล่อมด้วยการเล่น Arpeggio ของเปียโนในแนวเบส ต่อด้วยการร้องที่แผ่วเบา                    และสงบนิ่งให้บรรยากาศที่ผ่อนคลาย และค่อยเพิ่มความรู้สึกที่มากขึ้นจนถึงท่อน Climax ตรงที่ร้องว่า                     “Ten tent les horizens qui leurrent” ซึ่งท่อนที่ใช้โทนเสียงสูงที่สุดในบทเพลงให้บรรยากาศที่ตื่นกลัวของหญิง        ที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง และให้บรรยากาศความโกรธเกรี้ยวของมรสุมและอุปสรรคที่อยู่ในทะเลทที่นักเดินเรือทั้งหมด         จะต้องเผชิญ และเมื่อความโกรธได้หายไป ทุกอย่างก็ค่อยๆผ่อนคลายลง เป็นการรอคอยการกลับมาของผู้ที่อยู่บนเรือของ  ผู้หญิง เปียโนและนักร้องก็จะกลับมาสู่ทำนองในตอนต้นของบทเพลง

Mi Mancherai
Salina-cover-1024x512.jpg
Marco Marinangeli : Mi Mancherai
Mi Mancherai มีชื่อภาษาอังกฤษว่า I’ll miss you เป็นบทเพลงประกอบภาพยนตร์อิตาลีที่ชื่อว่า Il Postino หรือ         The post man ฉายในปี 1994 ประพันธ์ดนตรีโดย Luis Bacalov, Riccardo Del Turco และ Paolo Margheri    ประพันธ์เนื้อร้องโดย Marco Marinangeli ตัวเนื้อหาของบทเพลงได้พรรณนาถึง เพื่อนหรือคนสนิทที่เคยผูกพันกันมานาน   ที่วันเวลาและสภาวะทางสังคมได้นำพาให้คนทั้งสองแยกจากกัน แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ความสัมพันธ์ของเราก็จะไม่เปลี่ยนไป เรารู้สึกได้จากข้างใน และคงรอ  ที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง บทเพลงนี้สื่อความหมายได้อย่างดีตามเรื่องราวในภาพยนตร์       ที่เกิดความสัมพันธ์ฉันเพื่อนระหว่าง Pablo Neruda ผู้ทำงานเขียนบทความทางการเมืองและแต่งบทกวี กับ Mario Ruoppolo ซึ่งเป็นเพียงบุรุษไปรศณีย์ที่ไม่ได้รับการศึกษาและทำงานส่งจดหมายให้แค่ Neruda คนเดียวนั้น ทั้งคู่เรียนรู้และช่วยเหลือซึ่งกันและ Mario ก็มีชีวิตที่ดีขึ้นจากการช่วยเหลือของ Neruda โดยที่ Neruda ก็ได้ช่วย Mario เขียนจดหมายรักให้กับหญิงที่ชอบ จนสุดท้าย Mario ก็ได้แต่งงานสมใจ เขารู้สึกขอบคุณ Neruda และเมื่อต้องแยกทางกัน เขาก็ยังพรรณนาและคิดถึงเพื่อนคนนี้อยู่เสมอ

Copyright © 2020 Vorakit Kamolraksa

bottom of page